มีคนเคยค่อนขอดเขาว่า เขาเล่นกับความรู้สึกของคนที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เธอน่ะสำคัญกับเขามากแค่ไหนตอนนั้นชายหนุ่มเพียงแสยะยิ้มรับ เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องเจ็บปวดกับการละเล่นในครั้งนี้เป็นเขาเป็นเธอหรือเป็นพวกเราทั้งคู่แล้วทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นการละเล่นจริงหรือ******************************“ตอนเย็นกลับมาทำอะไรให้ผมกินด้วย”“...”เธอหยิบรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อมาจากชั้น“ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าภา”มือเล็กที่กำลังหยิบกุญแจรถกับกุญแจห้องชะงัก หญิงสาวเม้มปาก และพยายามไม่ถอนหายใจ ก่อนจะออกจากห้องก็เอ่ยเสียงเรียบ“คุณสนุกนักเหรอที่ปั่นหัวฉันได้”“ใช้อะไรคิดเรื่องนั้น”สมองไง“เมื่อก่อน ถ้าฉันเดินไปขวา ปู่จะบอกให้ฉันเดินไปทางซ้าย”“...”“พอฉันจะเรียนต่อ ฉันอยากเรียนเกี่ยวกับศิลปะ ฉันชอบวาดรูป ชอบการลงสี ปู่บอกมันเป็นทางเลือกของคนโง่ เขาเป็นหมอ ลูกเขาเป็นหมอ ฉันต้องเป็นหมอ”“...”“ฉันเรียนหมอตามที่เขาต้องการ เผื่อเขาจะพอใจ แล้วปล่อยให้ฉันมีทางเลือกและอิสระกับการใช้ชีวิตเสียที แต่เขาดันตาย และลูกชายของเขาก็รับหน้าที่บีบบังคับฉันต่อ รู้ไหมสิ่งแรกที่เขาทำคืออะไร”“ให้คุณแต่งงานกับผม”“ใช่ ฉันต้องแต่งงานกับคุณ”“...”เธอสะดุ้งเมื่อไอความร้อนมาอยู่ด้านหลัง ลมหายใจเป่ารดที่หูเล็ก มือหนาวางที่เอวบางแล้วไม่นานเขาก็เอ่ยเสียงเรียบเย็นตัดกับไอความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากกายแกร่ง“โลกนี้ถูกควบคุมโดยคนที่แข็งแกร่งและเห็นแก่ตัว”ปลายนิ้วร้อนสอดเข้าในเสื้อยืดสีหม่น เธอขนลุก พยายามขัดขืนแต่ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด“หากคุณอยากเอาชนะผมหรืออาของคุณ หรือแม้กระทั่งตาแก่ที่ตายไปแล้วอย่างปู่คุณ”อึก...เธอกลืนน้ำลายลงคอ และอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อปากร้อนแนบกับใบหูไวต่อความรู้สึก“คุณต้องเห็นแก่ตัวยิ่งกว่า”“...ปล่อยฉัน”“น่าเสียดายที่คุณถูกสร้างมาให้...เห็นแก่ตัวไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ”เขาเลียติ่งหูขาวที่มีโลหะสีเงิน ความร้อนที่เป่ารดแนบชิดทำให้แข้งขาสั่นจนแทบยืนให้ตรงไม่ไหว แขนแกร่งประคองร่างนุ่มเอาไว้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยดุๆ ผิดกับการกระทำที่ค่อนข้างอ่อนโยน“ตอนเย็นเจอกัน อย่าให้ผมรอจนต้อง...ตามไปถึงร้านของคุณ”“...”“ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกนะว่าผมจะทำบ้าๆ อะไรลงไปบ้าง”ร่างสูงถอยออกห่างและใช้ปลายนิ้วร้อนแตะที่ท้ายทอยขาวที่มีขนเส้นเล็กลุกชันจนเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเขาเอ่ยก็เสียงเย็นชาเสริมว่า“ถ้าไม่อยากทำให้ผมคลั่งก็เป็นเด็กดี”
มีคนเคยค่อนขอดเขาว่า เขาเล่นกับความรู้สึกของคนที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เธอน่ะสำคัญกับเขามากแค่ไหนตอนนั้นชายหนุ่มเพียงแสยะยิ้มรับ เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องเจ็บปวดกับการละเล่นในครั้งนี้เป็นเขาเป็นเธอหรือเป็นพวกเราทั้งคู่แล้วทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นการละเล่นจริงหรือ******************************“ตอนเย็นกลับมาทำอะไรให้ผมกินด้วย”“...”เธอหยิบรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อมาจากชั้น“ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าภา”มือเล็กที่กำลังหยิบกุญแจรถกับกุญแจห้องชะงัก หญิงสาวเม้มปาก และพยายามไม่ถอนหายใจ ก่อนจะออกจากห้องก็เอ่ยเสียงเรียบ“คุณสนุกนักเหรอที่ปั่นหัวฉันได้”“ใช้อะไรคิดเรื่องนั้น”สมองไง“เมื่อก่อน ถ้าฉันเดินไปขวา ปู่จะบอกให้ฉันเดินไปทางซ้าย”“...”“พอฉันจะเรียนต่อ ฉันอยากเรียนเกี่ยวกับศิลปะ ฉันชอบวาดรูป ชอบการลงสี ปู่บอกมันเป็นทางเลือกของคนโง่ เขาเป็นหมอ ลูกเขาเป็นหมอ ฉันต้องเป็นหมอ”“...”“ฉันเรียนหมอตามที่เขาต้องการ เผื่อเขาจะพอใจ แล้วปล่อยให้ฉันมีทางเลือกและอิสระกับการใช้ชีวิตเสียที แต่เขาดันตาย และลูกชายของเขาก็รับหน้าที่บีบบังคับฉันต่อ รู้ไหมสิ่งแรกที่เขาทำคืออะไร”“ให้คุณแต่งงานกับผม”“ใช่ ฉันต้องแต่งงานกับคุณ”“...”เธอสะดุ้งเมื่อไอความร้อนมาอยู่ด้านหลัง ลมหายใจเป่ารดที่หูเล็ก มือหนาวางที่เอวบางแล้วไม่นานเขาก็เอ่ยเสียงเรียบเย็นตัดกับไอความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากกายแกร่ง“โลกนี้ถูกควบคุมโดยคนที่แข็งแกร่งและเห็นแก่ตัว”ปลายนิ้วร้อนสอดเข้าในเสื้อยืดสีหม่น เธอขนลุก พยายามขัดขืนแต่ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด“หากคุณอยากเอาชนะผมหรืออาของคุณ หรือแม้กระทั่งตาแก่ที่ตายไปแล้วอย่างปู่คุณ”อึก...เธอกลืนน้ำลายลงคอ และอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อปากร้อนแนบกับใบหูไวต่อความรู้สึก“คุณต้องเห็นแก่ตัวยิ่งกว่า”“...ปล่อยฉัน”“น่าเสียดายที่คุณถูกสร้างมาให้...เห็นแก่ตัวไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ”เขาเลียติ่งหูขาวที่มีโลหะสีเงิน ความร้อนที่เป่ารดแนบชิดทำให้แข้งขาสั่นจนแทบยืนให้ตรงไม่ไหว แขนแกร่งประคองร่างนุ่มเอาไว้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยดุๆ ผิดกับการกระทำที่ค่อนข้างอ่อนโยน“ตอนเย็นเจอกัน อย่าให้ผมรอจนต้อง...ตามไปถึงร้านของคุณ”“...”“ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกนะว่าผมจะทำบ้าๆ อะไรลงไปบ้าง”ร่างสูงถอยออกห่างและใช้ปลายนิ้วร้อนแตะที่ท้ายทอยขาวที่มีขนเส้นเล็กลุกชันจนเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเขาเอ่ยก็เสียงเย็นชาเสริมว่า“ถ้าไม่อยากทำให้ผมคลั่งก็เป็นเด็กดี”