ผมเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องนี้ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2548 มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีที่แล้ว เดือนธันวาคม 2567 รวมเวลาเขียนหนังสือเกือบยี่สิบปี ถ้าเป็นลูกชายก็อายุจวนบวชพระได้แล้วทำไมจึงใช้เวลายาวนานขนาดนี้ ทั้งที่หนังสือหนาเพียงสองร้อยกว่าหน้า (ป็อกเก็ตบุ๊ค) ขี้เกียจหรือเปล่า เอาเวลาไปเมาหัวราน้ำเล่นหรือเปล่า ?หามิได้ ผมไม่เคยขี้เกียจกับงานเขียนนิสัยในการทำงานเขียนของผม คือ ไม่ชอบทำงานซ้ำกับงานที่เคยทำไปแล้ว ชอบหาอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาทำ งานเขียนนวนิยายของผมที่ผ่านมา จนตรอก,คำพิพากษา,พันธุ์หมาบ้า,เวลา ทั้งสี่เรื่องนี้ แม้เนื้อหาและรูปแบบการเขียนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ พล็อตเรื่อง คิดพล็อตเรื่องจบแล้ว จึงลงมือเขียน เปรียบได้กับการทำอาหาร เมื่อวัตถุดิบ เครื่องปรุงพร้อมแล้ว ก็ติดเตาไฟ เริ่มทำอาหารได้เลย ใช้เวลาปรุงไม่นานก็เสร็จ เพราะทุกอย่างมีพร้อมแต่เรื่องนี้ “คนเดียวในคอนโดฯ” ผมมีความทะลึ่ง อยากทำของที่ไม่เคยทำ คือสร้างตัวละครขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยให้ตัวละคนเดินไปเอง โดยไม่มีพล็อตล่วงหน้า ผมมีหน้าที่เขียนบันทึกตามตัวละครที่จะไป เข้ารกเข้าพงไปก็หลายหน พาเข้าไปยุ่งกับ “ผู้ชนะสิบทิศ” ของ ยาขอบ เข้าไปพัวพันกับ “สามก๊ก” สำนวนแปล เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เดือดร้อนผม ต้องไปศึกษาหัดเขียนสำนวนภาษาไทยโบราณตามแบบครูบาอาจารย์ที่ทำไว้ ไหนจะราชาศัพท์อีก ไม่ง่ายอย่างที่คิด คิดจะเลิกอยู่หลายครั้ง แต่ก็เสียดาย คิดจะหยุดไว้ก่อน แล้วไปเขียนเรื่องใหม่ ก็ไม่ใช่นิสัยการทำงานของผม ผมทำงานได้ทีละเรื่อง จึงอดทนทำ บางทีเว้นไปเป็นปีๆ ไม่ได้ไปแตะ ไปไหนจะทำอะไรก็คิดแต่เรื่องนี้ ไม่มีความสุขเพราะงานอันเป็นที่รักยังไม่เสร็จ ค้างคาอยู่ในสมอง คิดได้ก็มาเขียนต่อที่ละนิดละหน่อย ดูตามภาพประกอบที่นำมาลงให้ดูนี้ ต้นฉบับทั้งหมดมีจำนวนไม่น้อย ในระหว่างนี้เจอท่านผู้อ่าน ก็ถามผมว่า เมื่อไหร่จะมีนวนิยายเรื่องใหม่ออกมา บอกว่ากำลังเขียนอยู่ก็คงเชื่อยาก สิบยี่สิบปีแล้วที่ตอบแบบนี้ ซ้ำยังมีคนพูดลับหลังผมว่า พอได้เป็นศิลปินแห่งชาติ มีเงินเดือนกินแล้ว ก็เลิกเขียนหนังสือไปขายเสื้อผ้า ครั้นจะไปแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่นิ่ง ทำงานของเราไป…ผมชอบครับนวนิยายเรื่องนี้ ชอบมากด้วย เขียนไปเดาเรื่องไป ไม่รู้เรื่องล่วงหน้า สนุกดี แต่จะให้เขียนแบบไม่มีพล็อตอีก ผมไม่เอาอีกแล้วครับ “เข็ด”
ผมเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องนี้ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2548 มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีที่แล้ว เดือนธันวาคม 2567 รวมเวลาเขียนหนังสือเกือบยี่สิบปี ถ้าเป็นลูกชายก็อายุจวนบวชพระได้แล้วทำไมจึงใช้เวลายาวนานขนาดนี้ ทั้งที่หนังสือหนาเพียงสองร้อยกว่าหน้า (ป็อกเก็ตบุ๊ค) ขี้เกียจหรือเปล่า เอาเวลาไปเมาหัวราน้ำเล่นหรือเปล่า ?หามิได้ ผมไม่เคยขี้เกียจกับงานเขียนนิสัยในการทำงานเขียนของผม คือ ไม่ชอบทำงานซ้ำกับงานที่เคยทำไปแล้ว ชอบหาอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาทำ งานเขียนนวนิยายของผมที่ผ่านมา จนตรอก,คำพิพากษา,พันธุ์หมาบ้า,เวลา ทั้งสี่เรื่องนี้ แม้เนื้อหาและรูปแบบการเขียนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ พล็อตเรื่อง คิดพล็อตเรื่องจบแล้ว จึงลงมือเขียน เปรียบได้กับการทำอาหาร เมื่อวัตถุดิบ เครื่องปรุงพร้อมแล้ว ก็ติดเตาไฟ เริ่มทำอาหารได้เลย ใช้เวลาปรุงไม่นานก็เสร็จ เพราะทุกอย่างมีพร้อมแต่เรื่องนี้ “คนเดียวในคอนโดฯ” ผมมีความทะลึ่ง อยากทำของที่ไม่เคยทำ คือสร้างตัวละครขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยให้ตัวละคนเดินไปเอง โดยไม่มีพล็อตล่วงหน้า ผมมีหน้าที่เขียนบันทึกตามตัวละครที่จะไป เข้ารกเข้าพงไปก็หลายหน พาเข้าไปยุ่งกับ “ผู้ชนะสิบทิศ” ของ ยาขอบ เข้าไปพัวพันกับ “สามก๊ก” สำนวนแปล เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เดือดร้อนผม ต้องไปศึกษาหัดเขียนสำนวนภาษาไทยโบราณตามแบบครูบาอาจารย์ที่ทำไว้ ไหนจะราชาศัพท์อีก ไม่ง่ายอย่างที่คิด คิดจะเลิกอยู่หลายครั้ง แต่ก็เสียดาย คิดจะหยุดไว้ก่อน แล้วไปเขียนเรื่องใหม่ ก็ไม่ใช่นิสัยการทำงานของผม ผมทำงานได้ทีละเรื่อง จึงอดทนทำ บางทีเว้นไปเป็นปีๆ ไม่ได้ไปแตะ ไปไหนจะทำอะไรก็คิดแต่เรื่องนี้ ไม่มีความสุขเพราะงานอันเป็นที่รักยังไม่เสร็จ ค้างคาอยู่ในสมอง คิดได้ก็มาเขียนต่อที่ละนิดละหน่อย ดูตามภาพประกอบที่นำมาลงให้ดูนี้ ต้นฉบับทั้งหมดมีจำนวนไม่น้อย ในระหว่างนี้เจอท่านผู้อ่าน ก็ถามผมว่า เมื่อไหร่จะมีนวนิยายเรื่องใหม่ออกมา บอกว่ากำลังเขียนอยู่ก็คงเชื่อยาก สิบยี่สิบปีแล้วที่ตอบแบบนี้ ซ้ำยังมีคนพูดลับหลังผมว่า พอได้เป็นศิลปินแห่งชาติ มีเงินเดือนกินแล้ว ก็เลิกเขียนหนังสือไปขายเสื้อผ้า ครั้นจะไปแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่นิ่ง ทำงานของเราไป…ผมชอบครับนวนิยายเรื่องนี้ ชอบมากด้วย เขียนไปเดาเรื่องไป ไม่รู้เรื่องล่วงหน้า สนุกดี แต่จะให้เขียนแบบไม่มีพล็อตอีก ผมไม่เอาอีกแล้วครับ “เข็ด”