เรื่องราวของ "4 ปี นรกในเขมร" ปรากฏแก่สายตาชาวโลกครั้งแรกทางโทรทัศน์เอ็นเอชเค. แห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ.2522 และพิมพ์เป็นหนังสือในปีถัดมา จนกระทั้งปี 2526 ได้มีการแปลเป็นภาษาไทยลงพิมพ์ในนิตยสารกะรัต หนังสือเล่มนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างกว้างขวาง ในบรรดานักอ่าน นักวิจารณ์ นักการฑูต นักการศึกษา และแม้แต่นักการทหาร ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า สถาบันการศึกษาวิชาทหาร ได้ใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบการศึกษา ของนักศึกษามานานหลายปีแล้ว เช่นเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่งสงครามภายในประเทศกัมพูชา ดูเหมือนจะเจรจาสงบศึกกันได้ และกำลังเตรียมการฟื้นฟูประเทศ ภายหลังจากที่ได้ต่อสู้ทำลายล้างทั้งชีวิตผู้คน และทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำคัญ ขนบประเพณี เศรษฐกิจ และรวมทั้งความเป็นมนุษยชาติของเขมรเอง แต่ภาพที่เคยปรากฏและเกิดขึ้นนั้น คงจะไม่จางหายไป จากความรู้สึกของผู้ประสบชะตากรรม และคนรุ่นหลัง บันทึกของสตรีภริยานักการฑูตฉบับนี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญของชาวโลก เป็นโศกนาฏกรรมที่เขียนขึ้น จากเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งคนในชาติไทยควรศึกษา เรียนรู้
เรื่องราวของ "4 ปี นรกในเขมร" ปรากฏแก่สายตาชาวโลกครั้งแรกทางโทรทัศน์เอ็นเอชเค. แห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ.2522 และพิมพ์เป็นหนังสือในปีถัดมา จนกระทั้งปี 2526 ได้มีการแปลเป็นภาษาไทยลงพิมพ์ในนิตยสารกะรัต หนังสือเล่มนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างกว้างขวาง ในบรรดานักอ่าน นักวิจารณ์ นักการฑูต นักการศึกษา และแม้แต่นักการทหาร ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า สถาบันการศึกษาวิชาทหาร ได้ใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบการศึกษา ของนักศึกษามานานหลายปีแล้ว เช่นเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่งสงครามภายในประเทศกัมพูชา ดูเหมือนจะเจรจาสงบศึกกันได้ และกำลังเตรียมการฟื้นฟูประเทศ ภายหลังจากที่ได้ต่อสู้ทำลายล้างทั้งชีวิตผู้คน และทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำคัญ ขนบประเพณี เศรษฐกิจ และรวมทั้งความเป็นมนุษยชาติของเขมรเอง แต่ภาพที่เคยปรากฏและเกิดขึ้นนั้น คงจะไม่จางหายไป จากความรู้สึกของผู้ประสบชะตากรรม และคนรุ่นหลัง บันทึกของสตรีภริยานักการฑูตฉบับนี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญของชาวโลก เป็นโศกนาฏกรรมที่เขียนขึ้น จากเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งคนในชาติไทยควรศึกษา เรียนรู้